ภาพบนแสดง
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
เสด็จทอดพระเนตรค่ายนักดาราศาสตร์เยอรมัน ที่ตำบลโคกโพธิ์
จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2472
มโนทัศน์เกี่ยวกับรัชกาลที่ 7 เสด็จฯทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่ปัตตานี
โดย ฉัตรบงกช ศรีวัฒนสาร
การศึกษาจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ภาคปลาย พบว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยุ่หัวเสด็จฯถึงมณฑลปัตตานีตั้งแต่ตอนเช้าของวันที่ 8 พฤษภาคม 2472 ต่อมาหลังจากเสวยพระกระยาหารกลางวันแล้ว พระองค์ได้เสด็จฯยังสถานที่สำรวจสุริยุปราคา 3 แห่ง แห่งแรก ได้แก่ สถานที่สำรวจของคณะดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ เวลา 14.30 น. หลังจากนั้นได้เสด็จฯทรงรถยนต์พระที่นั่งยังสถานที่สำรวจแห่งที่สอง คือ สถานที่สำรวจของคณะดาราศาสตร์ชาวเยอรมัน ณ เนินเขาควนบูซึ่งห่างจากหลังที่ว่าการอำเภอโคกโพธิ์ในปัจจุบันไปทางทิศเหนือประมาณ 200 เมตร และอยู่ห่างจากสถานีรถไฟโคกโพธิ์ประมาณ 400 เมตร สถานที่แห่งสุดท้าย คือ สถานที่สำรวจของกรมแผนที่และกรมชลประทาน ซึ่งตั้งอยู่บนเนินโคกโพธิ์ ส่วนในวันที่เกิดปรากฏการณ์จริง 9 พฤษภาคม 2472 นั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯทอดพระเนตร ณ สถานที่สำรวจของนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าสนามของโรงเรียนประจำมณฑลปัตตานีในตัวเมือง
รัชกาลที่ 7 มิทรงเลือกที่รักมักที่ชัง
การที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเลือกประทับทอดพระเนตรปรากฎการณ์สุริยุปราคาที่ค่ายของคณะสำรวจชาวอังกฤษนั้น มีพระราชหัตถเลขาลงวันที่ 31ตุลาคม 2471 อธิบายไว้ดังนี้
...การที่จะไปดูสุริยุปราคา คราวนี้อยากดูสถานที่ และเครื่องมือของนักวิทยาศาสตร์ต่างๆด้วย มีปัญหาว่าจะมีมากี่คณะ? และจะไปดูสุริยุปราคาที่คณะใด? ถ้ามีหลายคณะ เอาดังนี้เห็นจะได้ คือไปเยี่ยมสถานที่ทุกคณะ แต่การดูเวลาสุริยุปราคาจริงๆนั้น คงดูที่คณะที่เชิญมานี้ เพราะเชิญมาก่อนคนอื่น...
ด้วยคณะสำรวจดาราศาสตร์ชาวอังกฤษได้กราบบังคมทูลเชิญมาก่อน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงเลือกทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่ค่ายของคณะนั้น ทั้งที่อาจเป็นไปได้ว่าเครื่องมืออุปกรณ์การสังเกตสุริยุปราคาของคณะสำรวจดาราสาสตร์ชาวเยอรมันทันสมัยกว่าอุปกรณ์ของคณะสำรวจชาวอังกฤษก็ตาม สะท้อนให้เห็นพระราชจริยวัตรเรื่องของการไม่เลือกที่รักมักที่ชังและความไม่ลำเอียงเห็นแต่ประโยชน์ส่วนพระองค์
พระราชหัตถเลขายังสะท้อนให้เห็นถึงความสนพระราชหฤทัยส่วนพระองค์ในเทคโนโลยีการถ่ายภาพและภาพยนตร์ด้วย จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาะปก พระปกเกล้าเจ้าอยุ่หัวภาคปลาย กล่าวถึงพระราชกรณียกิจระหว่างเสด็จฯทอดพระเนตรสุริยุปราคา ดังนี้
...วันพฤหัสบดี 9 พฤษภาคม 2472 เวลา 13.00 น. ทรงรถยนต์พระที่นั่งเสด็จยังสถานสำรวจของนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ ทรงพระราชดำเนินไปประทับปะรำในบริเวณนั้นเพื่อทอดพระเนตสุริยุปราคาแล้ว ทรงรถยนต์พระที่นั่งเสด็จประพาสตามถนนในเมืองแล้วประทับสนามหลังเรือนจำ ทอดพระเนตรการชนวัวซึ่งบ้านเมืองจัดให้มีขึ้นถวายทอดพระเนตรเวลา 15.40 น.เสด็จกลับสู่จวนที่ประทับร้อน เวลา 16.00 น. คณะลูกเสือมณฑลปัตตานีร้องเพลงถวายพระพรหน้าที่ประทับ แล้วทรงพระราชดำเนินไปประทับเก้าอี้ที่หน้าประตุจวน ทอดพระเนตรกระบวนแห่ซึ่งกระบวนแห่ซึ่งหัวเมืองในมณฑลนี้จัดให้มีขึ้นถวาย...เสด็จสู่ที่สรงมูรธาภิเษกสถานตามราชประเพณีที่ปัตตานีสุริยุปราคาเริ่มจับตั้งแต่เวลา12.09 น.ทางทิศหรดี เวลา13.34 น เต็มคราสเป็นเวลามืดมิดประมาณ 5 นาที เวลา 14.00 น.โมกขบริสุทธิ์ทางทิศอิสาณ...
พระราชพิธีสรงมูรธาภิเษกเป็นธรรมเนียมแต่โบราณที่พระมหากษัตริย์จะทรงประกอบขึ้นในวันเถลิงศก วันเฉลิมพระชนมพรรษา และในกรณีที่มีการผลัดเปลี่ยนผู้ปกครองบ้านเมืองในวันบรมราชาภิเษก รวมทั้งวันที่เกิดจันทรุปราคาและสุริยุปราคา เนื่องจากเป็นการผลัดเปลี่ยนดวงสว่างหลังเกิดเหตุการณ์สำคัญ
แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงได้รับการศึกษามาจากตะวันตก ทรงสนพระทัยในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแต่พระองค์มิได้ทรงปฏิเสธการประกอบพระราชพิธีสรงมูรธาภิเษกบนเรือพระที่นั่งจักรีหลังได้ทอดพระเนตรสุริยุปราคาแล้วตามโบราณราชประเพณีในวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2472 เวลา 19.20 น.
ความสนพระราชหฤทัยในวิทยาศาสตร์ยังปรากฏต่อเนื่องในวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม 2472 แม้การจับครสจะผ่านไปแล้ว พระองค์ยังทรงรอศึกษาการโคจรของดวงจันทร์ร่วมกับคณะนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษที่ศาลาว่าการมณฑลปัตตานี และคณะนักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันที่โคกโพธิ์ อีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่นักดาราศาสตร์ทั้งสองคณะในเรือพระที่นั่งจักรี เมื่อเวลา 13.00 น.ด้วย
มโนทัศน์ของชาวโคกโพธิ์
กรณีสุริยุปราคาที่โคกโพธิ์แม้จะผ่านมากว่า 80 ปีแล้วก็ตามคนในท้องถิ่นยังมีมโนทัศน์เกี่ยวกับการเสด็จฯทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่โคกโพธิ์เรื่อยมา ปรากฏหลักฐานจากรายงานการสัมภาษณ์ผู้สูงอายุชาวโคกโพธิ์ของอาจารย์พิชัย แก้วขาว เรื่อง"มืดกลางวันที่โคกโพธิ์(ครบ 60 ปี)"
น่าสนใจว่าเหตุใดชาวโคกโพธิ์จึงจำการเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่โคกโพธิ์ได้อย่างมิลืมเลือน อาจเป็นไปได้พลับพลาที่ประทับ และจวนรับเสด็จฯยังเหลืออยู่เป็นวัตถุพยานแห่งการเสด็จพระราชดำเนิน และเรื่องเล่าขานถึงความประทับใจของผู้คนที่เฝ้ารับเสด็จฯก็เป็นได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น