สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯกับการทำสวนที่เมืองจันทบุรี |
"ฉันไม่มีความประสงค์ที่จะมีชีวิตเข้าพัวพันกับกิจการบ้านเมืองอีกเลย แต่ประสงค์ที่จะมีความเป็นอยู่ตามแบบหญิงไทยสามัญธรรมดาด้วยการใช้ชีวิตอย่างเรียบๆ"
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ รับสั่งเช่นนี้แต่แรกเสด็จฯกลับมายังประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๔๙๒ หลังจากที่พระองค์ประทับ "ลี้ภัยการเมือง"อยู่ที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลา ๑๕ ปี
ทรงปฏิบัติตามที่รับสั่งไว้เกือบจะทันทีโดยได้ทรงเสาะแสวงหาสถานี่ในต่างจังหวัดซึ่งมีอากาศดีเพื่อสร้างที่ประทับ หนึ่งปีถัดมาทรงเลือกที่ดินริมคลองบ้านแก้ว ห่างจากตัวจังหวัดจันทบุรีประมาณ ๕ กิโลเมตร ซึ่งเป็นดงหญ้าคาเสียเป็นส่วนใหญ่ โปรดเกล้าฯให้ถางหญ้าคา ทำการชลประทานทดน้ำจากไหล่เขาลงมา ปรับเป็นเทือกสวนไร่นา สร้างที่ประทับครึ่งตึกครึ่งไม้ชั้นครึ่งขึ้น ณ ที่ซึ่งพระราชทานนามง่ายๆว่า "สวนบ้านแก้ว" ตามชื่อคลอง
ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ พระนัดดาเคยเล่าไว้ว่า สมเด็จฯรับสั่งว่าเมืองจันท์นั้นดินดี ปลูกผลไม้ได้ดีมาก แต่จะไม่ทรงปลูกผลไม้แข่งกับราษฎร แต่โดยที่โปรดเสื่อจันทบูร จะทรงหาทางพัฒนาการทอเสื่อให้เป็นอาชีพเสริมของราษฎรได้อย่างแท้จริงโดยการค้นหาวิธีการทำให้เมื่อย้อมสีตกแล้วสีไม่ตก และนำเสื่อมาประดิษฐ์เป็นสิ่งของใช้เครื่องใช้อื่นๆ นอกจากเสื่อรองนั่ง ต้องทรงใช้เวลาถึง ๕ ปี ในการทรงศึกษาภูมิปัญญาการทอเสื่อของชาวบ้านเพื่่อหาทางพัฒนาตามที่ทรงตั้งพระราชหฤทัย ทรงรับสมัครคนงานที่มีพื้นฐานอยู่แล้วเข้าทำงานในโรงทอเสื่อของพระองค์ ทั้งโปรดเกล้าฯให้หม่อมเจ้ากอกษัตริย์ สวัสดิวัตน์ พระอนุชาซึ่งเป็นอาจารย์ทางเคมีอยู่ที่มหาวิทยาลัยในสิงค์โปร์ทรงึกษาหาวิธีย้อมกกให้มีสีสวยและคงทนเป็นสีอ่อนๆ เช่น ชมพูอ่อน เขียวอ่อน สำเร็จแล้วจึงสอนวิธีแก่ชาวบ้านที่เป็นคนงาน โดยสมเด็จฯทรงคลุกคลีทดลองย้อมและทรงตากกกด้วยพระองค์เอง ต่อมาทรงใช้พระปรีชาสามารถทางประณีตศิลป์ซึ่งติดพระองค์มาเมื่อทรงพระเยาว์ในราชสำนักแห่งสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๕ ทรงคัดลายพิกุลเล็ก พิกุลใหญ่ และลายใหม่ๆขึ้นด้วยพระองค์เอง เพื่อทอและนำเสื่อที่ได้นำมาใช้ผลิตแผ่นรองจาน ที่รองแก้ว กล่องกระดาษเช็ดมือ ถาด กระเป๋าเอกสาร กระเป๋าถือสตรี ซึ่งอย่างหลังนี้ทรงแปลงแบบมาจากของนอกซึ่งทรงคุ้นเคย ใช้กระดาษแข็งเป็นโครง มีผ้าซับใน ทั้งหมดจัดจำหน่ายภายใต้ชื่อว่า "อุตสาหกรรมชาวบ้าน สบก." (สวนบ้านแก้ว)
สมเด็จฯ เสด็จลงทรงงานที่โรงทอเสื่อเป็นกิจวัตร ทรงสดับตรับฟังความคิดเห็นของช่างว่าดีหรือไม่ ทำได้หรือไม่ และเมื่อช่างทำผิดแบบก็มิได้กริ้ว กลับทรงพระสรวลว่าเป็นลายใหม่ รูปแบบใหม่ซึ่งดูแปลกตาดี พระราชจริยาวัตรทรงสดับความคิดเห็นของผู้อื่นดุจนักประชาธิปไตยเช่นนี้ละม้ายคล้ายคลึงกับพระอุปนิสัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระบรมราชสวามียิ่งนัก
(เนื้อหาคัดลอกมาจากบทความส่วนหนึ่ง ของ ม.ร.ว.พฤทธิสาณ ชุมพล ตีพิมพ์ในจดหมายข่าวสถาับันพระปกเกล้าปีที่ ๖ฉบับที่ ๔ เมษายน ๒๕๔๘ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระราชกรณียกิจในช่วงพระชันษา ๔๖-๖๔ พรรษา ซึ่งประทับประหนึ่งทรงเป็นชาวสวนที่สวนบ้านแก้ว จันทบุรี)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น