ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

พระปกเกล้าฯกับการฝึกหัดเยาวชนพลเมืองเรื่อง "น้ำใจดี"

พระบรมฉายาลักษณ์ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพรรณีฯ

       พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7  ทรงมีพระราชดำริในการปลูกฝังให้เยาวชนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพโดยให้ศึกษาจากข้อธรรมะในพระศาสนาและการปลูกฝังให้การศึกษาแก่ประชาชนให้มี "น้ำใจดี"  เพื่อความสำเร็จในการปกครองระบอบประชาธิปไตย  การอบรมเยาวชนในพระพุทธศาสนา  ทรงพระราชดำริว่า  การศึกษาไม่ควรแยกออกจากวัด  และในรัชสมัยทรงริเริ่มโปรดเกล้าฯให้มีการประกวดการแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนาสำหรับเด็กเป็นครั้งแรก  และทรงมีพระราชดำรัสว่า
  "พระศาสนาเป็นสิ่งจำเป็นแก่การดำรงชีวิต คือ 
" ...ศาสนาถ้าสอนให้ถูกทาง  ศาสนาจะเป็นยาบำรุงกำลังน้ำใจให้ทนความลำบากได้  ให้มีแรงที่จะทำการงานของตนให้เป็นสำเร็จ  และยังเป็นยาที่จะสมานหัวใจให้หายเจ็บปวดในยามทุกข์ได้ด้วย... พวกเราทุกๆคน  ควรพยายามให้เด็กๆลูกหลานของเรามี "ยา"  สำคัญคือคำสอนของพระบรมศาสดาสัมพุทธเจ้าติดตัวไว้เป็นกำลังเพราะ  "ยา" อย่างนี้เป็นทั้งยาบำรุงกำลัง  และยาสมานหรือระงับความเจ็บปวด"

  พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  ยังทรงพระราชทานแนวทางที่จะทำให้เยาวชน"มีน้ำใจดี" ว่าอยู่ที่การฝึกฝนเด็กนักเรียน

      "....การปกครองที่จะดีขึ้นนั้น  ยิ่งเป็นแบบรัฐสภาหรือแบบปาลิเมนต์ด้วยแล้วถ้าจะดีได้ก็ต้องอาศัยความดีของประชาชน  ต้องอาศัยน้ำใจและนิสัยของประชาชนเป็นใหญ่  ถ้าประเทศใดมีประชาชนมีน้ำใจดีรู้จักวิธีที่จะปกครองตนเองโดยแบบมีรัฐสภาจริงๆแล้ว  การปกครองนั้นก็จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศเป็นอันมาก..."

      ประการแรก   ให้รักขนบธรรมเนียม 
     ประการที่สอง ให้รู้จักปกครองกันเองตามลำดับขั้น  ตั้งแต่ ครู เด็กชั้นใหญ่ เด็กชั้นเล็ก  และมีวินัยที่เคร่งครัด  เพราะถ้าจะให้ประเทศมีการปกครองที่ดีงามต่อไปต้องฝึกหัดเด็กของเราให้รู้จักเคารพนับถือผู้ใหญ่ และให้รู้จักรับผิดชอบที่จะปกครองผู้น้อยต่อไปโดยยุติธรรม
     ประการที่สาม ต้องฝึกให้เด็กนักเรียนมีน้ำใจเป็นนักกีฬาแท้  ทรงให้อรรถาธิบายว่า "นักกีฬาแท้" ว่า
จะเล่นเกมอะไร  ก็ต้องเล่นให้ถูกต้องตามกฎข้อบังคับของเกมนั้น  ไม่ใช้วิธี โกงเล็กโกงน้อย  ถ้าเกมนั้นเล่นกันหลายคน  ก็ต้องเล่นเพื่อชัยชนะของฝ่ายตน  ไม่ใช่เล่นเพื่อแสดงความเก่งของตัวคนเดียว  ข้อที่สำคัญก็คือ  นักกีฬาแท้ต้องรู้แพ้รู้ชนะ  ทรงเห็นว่า  หลักการของความเป็นนักกีฬาแท้นี้  เป็นประโยชน์ทางด้านการเมืองด้วย
 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัย : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว - 26 พฤศจิกายน 2468   : สมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมขุนศุโขทัยธรรมราชาเสด็จขึ้นครองราชย์ - 25 กุมภาพันธ์ 2468 :  พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงสถาปนาพระวรชายาเป็นสมเด็จพระบรมราชินี และเสด็จไปประทับที่พระที่นั่งอัมพรสถาน (ร.7 พระชนม์ 32 พรรษา,สมเด็จฯ 21 พรรษา) -6 มกราคม -5 กุมภาพันธ์ 2469 : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า รำไพ พรรณีฯ เสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลพายัพเพื่อเยี่ยมราษฎร -16 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2470 : เสด็จพระราชดำเนินเยือนหัวเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออก -24 มกราคม - 11 กุมภาพันธ์ 2471: เสด็จพระราชดำเนินเยือนมณฑลภูเก็ต -10 เมษายน-12 เมษายน 2472 : พระราชพิธีราชคฤหมงคลขึ้นพระตำหนักเปี่ยมสุข สวนไกลกังวล -พฤษภาคม 2472  : เสด็จพระราชดำเนินเยือนมณฑลปัตตานี (ทอดพระเนตรสุริยุปราคา) -31 กรกฎาคม -11 ตุลาคม 2472 : เสด็จพระราชดำเนินเยือน สิงคโปร์ ชวา บาหลี -6 เมษายน - 8 พฤษภาคม 2473 : เสด็จพระราชดำเนินเยือนอินโดจีน -6 เมษายน - 9 เมษายน 2474 : เสด็จฯเยือนสหรัฐอเมริกาและญี่

ความสืบเนื่องและการเปลี่ยนแปลงของศิลปวัฒนธรรมสมัยรัชกาลที่ 7

                                                                                                                                   ฉัตรบงกช   ศรีวัฒนสาร [1]                 องค์ประกอบสำคัญในการดำรงอยู่อย่างยั่งยืนของสังคมมนุษย์ จำเป็นต้องอาศัยสภาวะความสืบเนื่องและการเปลี่ยนแปลงเป็นพลังสำคัญ ในทัศนะของ อริสโตเติล ( Aristotle) นักปรัชญากรีกโบราณ   ระบุว่า   ศิลปะทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นดนตรี   การแสดง   หรือ ทัศนศิลป์   ล้วนสามารถช่วยซักฟอกจิตใจให้ดีงามได้   นอกจากนี้ในทางศาสนาชาวคริสต์เชื่อว่า   ดนตรีจะช่วยโน้มน้าวจิตใจให้เกิดศรัทธาต่อศาสนาและพระเจ้าได้     การศรัทธาเชื่อมั่นต่อศาสนาและพระเจ้า คือ ความพร้อมที่จะพัฒนาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ [2]                 ราชบัณฑิตยสถานอธิบายความหมายของศิลปะให้สามารถเข้าใจได้เป็นสังเขปว่า “ศิลปะ(น.)ฝีมือ,   ฝีมือทางการช่าง,   การแสดงออกซึ่งอารมณ์สะเทือนใจให้ประจักษ์เห็น โดยเฉพาะหมายถึง วิจิตรศิลป์ ” [3] ในที่นี้วิจิตรศิลป์ คือ ความงามแบบหยดย้อย   ดังนั้น คำว่า “ศิลปะ” ตามความหมายของราชบัณฑิตยสถานจึงหมายถึงฝีมือทางการช่างซึ่งถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา

ห้วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชสมภพ

  ขอบคุณภาพจากพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และขอบคุณเนื้อหาจาก รศ.วุฒิชัย  มูลศิลป์ ภาคีสมาชิกสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง  ราชบัณฑิตยสถาน        พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 7 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 8 พฤศจิกายน รศ. 112 (พ.ศ. 2436) ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี  พระอรรคราชเทวี (ต่อมาคือ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ  และสมเด็จพระศรีพัชรินทราพระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนี ตามลำดับ)  โดยทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 9 ของสมเด็จพระนางเจ้าฯและองค์ที่ 76 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว     ในห้วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชสมภพนี้  ประเทศไทยหรือในเวลานั้นเรียกว่าประเทศสยาม หรือสยามเพิ่งจะผ่านพ้นวิกฤตการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่มาได้เพียง 1 เดือน 5 วัน  คือ วิกฤตการณ์สยาม ร. ศ. 112 ที่ฝรั่งเศสใช้กำลังเรือรบตีฝ่าป้อมและเรือรบของไทยที่ปากน้ำเข้ามาที่กรุงเทพฯได้  และบีบบังคั