ปกหนังสืออนุสรณ์มจ.สิทธิพร กฤดากร |
ปกหนังสือพิมพิ์กสิกร |
หนังสือพิมพ์ “กสิกร” เริ่มตีพิมพ์ฉบับปฐมฤกษ์ เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๗๐โดย หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร ทรงเป็นเจ้าของ บรรณาธิการเเละผู้จัดการ และมีเพื่อนนักเรียนที่จบจากต่างประเทศร่วมกันจัดทำเป็นวารสารการเกษตรซึ่งก้าวหน้าที่สุดในยุคนั้นของสยาม หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากรทรงเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับเรื่องพื้นบ้านเเละไร่นาเป็นประจำเพื่อมุ่งผลักดันให้รัฐบาลทำการค้นคว้าเเละวิจัยเเละเผยเเพร่การยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนาให้มีรายได้สูงขึ้น
"เงินทองของมายา...ข้าวปลาสิของจริง" ประโยควรรคทอง ของ หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร ผู้บุกเบิกตำนาน "แตงโมบางเบิด" และเกษตรกรรมสมัยใหม่ จนได้รับขนานนามว่า "บิดาแห่งการเกษตรแผนใหม่" หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากรยังทรงเป็นนักเศรษฐศาสตร์คนสำคัญในสมัยรัชกาลที่ ๖ และรัชกาลที่ ๗ ผลงานของท่านสามารถสอนผู้สนใจวิชาเศรษฐศาสตร์ และเตือนใจนักเศรษฐศาสตร์ ในเรื่องหลักความเป็นจริงในสังคมได้เป็นอย่างดี แม้กระทั่งปัจจุบันเมื่อเกิดเหตุมหาอุทกภัยในภาคกลางของประเทศไทยช่วงไตรมาสที่ ๔ ของปีพ.ศ. ๒๕๕๔ ประโยคดังกล่าวก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นความสำคัญของข้าวปลามังสาหารและพืชพรรณธัญญาหารอย่างชัดเจน กล่าวคือ แม้จะมีเงินทองอยู่ในมือก็ไม่สามารถหาซื้ออาหารมาบริโภคได้เพราะนอกจากจะไม่มีสินค้าอยู่ในชั้นวางของตามร้านสะดวกซื้อขนาดต่างๆแล้ว การคมนาคมเพื่อนำส่งอาหารไปสู่แหล่งจัดวางขายก็ยังล้มเหลวอีกด้วย
ในปลายแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากรได้กราบบังคมทูลลาออกจากราชการ ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมฝิ่น จากนั้นทรงพาหม่อมศรีพรหมมา กฤดากร ณ อยุธยา เสด็จไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่บ้านบางเบิด เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๓ พร้อมกับบุตรและธิดา คือ ม.ร.ว.อนุพร อายุ ๔ ขวบ และ ม.ร.ว.เพ็ญศรี อายุ ๙ เดือน
หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร ทรงก่อตั้ง "ฟาร์มบางเบิด" ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยทรงใช้วิชาการทางการเกษตรแผนใหม่ ทำให้ "ฟาร์มบางเบิด" เป็นฟาร์มแห่งแรกในประเทศไทยที่ปลูกพืชคลุมดินด้วยการปลูกพืชหมุนเวียนในที่ดิน ต่างกับการปลูกพืชบนที่ดอนในยุคนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านจะทำการปลูกไร่เลื่อนลอยหรือทำนา นอกจากฟาร์มบางเบิดจะปลูกแตงโม นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังปลูกแตงไทย ข้าวโพด ถั่วลิสง เลี้ยงไก่เล็กฮอร์นขาวพันธุ์แท้ และเลี้ยงหมูพันธุ์ยอร์กเชียอีกด้วย
จากหลักฐานในหนังสือพิมพ์ข่าวบ้านการเมือง (Home and Political News) ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๑วันจันทร์ที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๐ ซึ่งหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร ทรงเป็นเจ้าของ นายจงกล ไกรฤกษ์ เป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์และผู้โฆษณา พิมพ์ที่โรงพิมพ์แนวหน้า ถนนราชบพิธ สำนักงาน ๒๔๐ บางลำพู เล่าถึงการบุกเบิกการกสิกรรมและออกหนังสือพิมพ์ “กสิกร” ว่า
“...เคยทำการจริงๆ เมื่อพ.ศ. ๒๔๖๓ ข้าพเจ้าได้ลาออกจากราชการเพื่อมาบุกเบิกที่ดินทำการกสิกรรม เพราะมีความสนใจและเชื่อว่าการกสิกรรมน่าจะเป็นอาชีพของชนชั้นกลางในอนาคตเพราะผู้ที่รับการศึกษามีมากขึ้นทุกวัน และเข้าใจว่าคงจะมากกว่าหน้าที่ในราชการซึ่งเป็นจุดประสงค์ของนักเรียนส่วนมากในสมัยนั้น เมื่อข้าพเจ้าทำการได้ ๕ -๖ ปี และเห็นว่าได้ความรู้จากการทำจริงพอที่จะเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนร่วมชาติได้...”
หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากรทรงรับคำชักชวนของเพื่อนข้าราชการที่ได้ศึกษาวิชาเกษตรกรรมมาจากต่างประเทศ ให้ออกหนังสือพิมพ์กสิกร เริ่มงานเมื่อต้น พ.ศ.๒๔๗๐ สำนักงานตั้งอยู่ที่ฟาร์มบางเบิด ด้วยต้นทุนเพียง ๗๐ บาท เฉลี่ยออก ๗ คนๆ ละ ๑๐ บาท กลุ่มเพื่อนข้าราชการดังกล่าวได้แก่
๑. พระช่วงเกษตรศิลปาการ (ช่วง โลจายะ) วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต ม.วิสคอนซิน
๒. หลวงอิงคศรีกสิกร (อินทรี จันทรสถิตย์) วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต ม.คอร์แนล
๓. หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ (ทองดี เรศานนท์) วิทยาศาสตร์บัณฑิต ม.ฟิลิปปินส์
๔. พระนรราชจำนง (สิงห์ ไรวา)
๕. หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร
๖. หม่อมศรีพรหมมา กฤดากร
๗. ขุนศรีสุพรรณราช
นโยบายของหนังสือพิมพ์กสิกร คือการสนับสนุนการกสิกรรมอันเป็นบ่อเกิดแห่ง
ความเจริญของประเทศชาติและเพื่อเผยแพร่ความรู้ในอาชีพนี้ทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ (theory and practice) หม่อมเจ้าสิทธิพร ทรงเล่าว่า
“...หนังสือพิมพ์กสิกรตั้งตัวเป็นปึกแผ่นได้นั้นก็โดยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ได้ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์รับซื้อหนังสือพิมพ์กสิกร ๑,๐๐๐ ฉบับ ทุกครั้งที่ออกแจกตามโรงเรียน ซึ่งเท่ากับพระราชทานเงินอุดหนุน (subsidy) ปีละ ๒,๔๐๐บาท แต่กระนั้นก็ไม่ทรงรังเกียจ บทความที่ข้าพเจ้าเขียนในฐานะเป็นบรรณาธิการกสิกร ตำหนินโยบายในด้านกสิกรรมแห่งรัฐบาลของพระองค์เพราะมีพระราชหฤทัยเป็นนักประชาธิปไตยที่ทรงเห็นว่า การติโดยใจบริสุทธิ์เพื่อประโยชน์ส่วนรวม แม้รัฐบาลจะไม่เห็นควรก็ดีก็ไม่เป็นความผิด...”
หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร ทรงเคยเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนการทำกสิกรรมให้มากขึ้น โดยให้ตั้งสถานีทดลองเพื่อค้นคว้าหาความรู้ สำหรับใช้ให้เป็นประโยชน์แก่พลเมืองทั่วไป เพราะถ้าผลของการกสิกรรมดีขึ้นฐานะของพลเมืองก็ดีขึ้น ไม่ใช่แต่เฉพาะกสิกร เพราะประเทศเราเป็นประเทศกสิกรรม ผลของการกสิกรรมจึงเป็นวัตถุสินค้าใหญ่ ฉะนั้นการบำรุงกสิกรควรเป็นงานอันดับแรกของรัฐบาล เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำใน พ.ศ. ๒๔๗๔ เป็นหลักฐานชี้ให้เห็นว่าการบำรุงกสิกรรมโดยวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งจำเป็น
ในพ.ศ. ๒๔๗๕ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเรียกหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากรกลับมารับราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมตรวจกสิกรรม แต่ก็กลับมารับราชการได้ไม่ถึง ๒ ปี ก็ทรงประสบเคราะห์กรรมถูกลงโทษในความผิดทางการเมือง ระหว่างพ.ศ. ๒๔๗๖-๒๔๘๗ โดยทรงต้องโทษจำขังที่บางขวาง เกาะตะรุเตา และเกาะเต่า ในคดีกบฏบวรเดชกว่า ๑๑ ปี แม้กระนั้นก็ตาม งานค้นคว้าทดลองทางด้านการเกษตรกรรมของท่านคงยังดำเนินต่อไป โดยทรงให้คำแนะนำปรึกษาในการทำงานทางจดหมายแก่หม่อมศรีพรหมมา กฤดากร ณ อยุธยา ภรรยาคู่ชีวิตอย่างสม่ำเสมอ และยังทรงใช้เวลาว่างสอนการเพาะปลูกให้นักโทษและนิพนธ์ตำราสมัยใหม่ทางเกษตรกรรมชื่อว่า“ กสิกรรมบนดอน”
ในช่วงบั้นปลายแห่งชีวิต หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากรทรงชราภาพและไม่สามารถดูแลไร่บางเบิดซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง ๒๕๐ ไร่ ให้มีสภาพคงเดิมได้ จึงตัดสินใจขายให้กับรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และนำเงินไปซื้อที่ดินแปลงเล็กๆ ที่หัวหิน เพื่อทำการทดลองการเกษตรต่อไปจนกระทั่งสิ้นชีพิตักษัย เมื่อ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๔ สิริชันษา ๘๘ ปี ผลงานของท่านสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักวิชาการ ปัญญาชนและนักการเมืองหัวก้าวหน้ามาโดยตลอดจนปัจจุบัน
ผู้สนใจเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์กสิกร ซึ่งเป็นหนังสือหายากในสมัยรัชกาลที่ ๗ สามารถติดต่อขอใช้บริการ E-Bookได้ที่ห้องศูนย์ข้อมูล พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถนนหลานหลวง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๐๐
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น