พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสประเทศอังกฤษ |
ในระหว่างการประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 14 ประจำปี 2555 เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2555 ช่วงการอภิปรายเป็นภาษาอังกฤษในหัวข้อ “การปฏิรูปรัฐสภา :
มุมมองจากต่างประเทศ”
รองศาสตราจารย์ ม.ร.ว. พฤทธิสาณ
ชุมพล ผู้นำเสนอเกี่ยวกับ
“การปฏิรูปรัฐสภาในอังกฤษ”
ได้ขอโอกาสให้ข้อมูลเกี่ยวกับการที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จพระราชดำเนินทรงสดับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษ เพื่อเป็นการราชสดุดีในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพครบ
119 ปีในวันนั้น รศ.ม.ร.ว. พฤทธิสาณ ได้กรุณาถอดความเป็นภาษาไทย ดังต่อไปนี้
ผมขออนุญาตเริ่มการอภิปรายของผมด้วยการนำเสนอบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องในทางอ้อมกับเนื้อหาหลักของการอภิปรายของผมในวันนี้
เพื่อเป็นการเชิญชวนให้ท่านผู้มีเกียรติได้ร่วมกับผมในการถวายราชสดุดีแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งสถาบันพระปกเกล้าได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธยมาเป็นชื่อของสถาบัน
วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพครบ
119 ปี ของพระองค์
ข้อมูลชิ้นหนึ่งจากหนังสือที่มีอยู่ในข้อมูลพระปกเกล้าศึกษา พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทำให้เราทราบว่า
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เยี่ยมรัฐสภาประเทศอังกฤษ |
เมื่อพ.ศ. 2477 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมรัฐสภาของอังกฤษที่กรุงลอนดอน
เนื่องในวาระที่เสด็จประพาสประเทศในทวีปยุโรปถึง 9 ประเทศ
ในพระราชสถานะพระมหากษัตริย์ในระบอบรัฐธรรมนูญพระองค์แรกของสยาม
ในวันที่
8 พฤษภาคม พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) พระองค์เสด็จฯประทับที่ชั้นบนของสภาผู้แทนราษฎร
(จากการเลือกตั้ง) ของอังกฤษและได้ทรงสดับการประชุมของสภานั้นขณะกำลังอภิปรายประเด็นต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ได้เสวยพระกระยาหารกลางวันที่อาคารรัฐสภาร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกสภาขุนนาง
(วุฒิสภา) ของอังกฤษจำนวนหนึ่ง
ด้วยการนี้พระองค์ได้
ทรงเป็นพระราชาพระองค์แรกของโลกที่ได้เสวยพระกระยาหารที่อาคารรัฐสภาของอังกฤษ
หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
ไปยังบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง (10
Downing
street) ที่ทำการและที่พักของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ณ ที่นั้น
ได้ทรงพระราชปฏิสันถารกับ นายเจมส์ แรมเซย์ แมคดอนัลด์ (James
Ramsay MacDonald) นายกรัฐมนตรีคนแรกจากพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรคแนวประชาธิปไตยสังคมนิยมของอังกฤษ รัฐมนตรี
ผู้นำฝ่ายค้าน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่ง ในระหว่างที่เสวยพระกระยาหารกลางวัน
ตลอดระยะทางการเสด็จประพาสในทวีปยุโรป พระองค์ได้ทรงแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้กับบุคคลต่างๆหลากหลาย คือ เจ้านายชั้นสูงในพระราชวงศ์ต่างๆของยุโรป
นักการเมืองที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกัน รวมถึงมุสโสลินีแห่งอิตาลี และ ฮิตเลอร์แห่งเยอรมัน อีกทั้งปัญญาชน อาทิ นายออลเดิส ฮักซลี่ (Aldous
Huxley) ผู้ประพันธ์นวนิยายแนวอนาคตศึกษาเรื่อง Brave New
World ซึ่งเพิ่งได้รับการตีพิมพ์
2 ปีก่อนหน้านั้น และนาย เอช.จี.เวลส์ (H.G.
Wells) นักประพันธ์นวนิยายแนววิทยาศาสตร์เรื่อง The Time
Machine เป็นต้น
ดังนั้น ภาพที่ได้คือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ตั้งพระราชหฤทัยมุ่งที่จะทรงแสวงหาความรู้ความเข้าใจในทางตรงเกี่ยวกับกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและทางแนวความคิด
ซึ่งกำลังเชี่ยวกรากอยู่ในยุโรปในเวลานั้น ไม่กี่ปีก่อนที่สงครามโลกครั้งที่สองจะอุบัติขึ้น
จะเห็นได้ว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจที่หลากหลายเหล่านี้
ด้วยพระราชหฤทัยสำนึกรับผิดชอบในหน้าที่ของพระมหากษัตริย์ในระบอบรัฐธรรมนูญของสยาม และด้วยความใส่พระราชหฤทัยยิ่ง แม้ว่าในช่วงเวลาเดียวกันนั้น กำลังทรงตริตรองว่าจะทรงสละราชสมบัติหรือไม่
พระองค์ได้มีพระราชหัตถเลขาสละราชสมบัติมาจากที่ประทับซึ่งทรงเช่า
ใกล้กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.
2477 (ค.ศ. 1935) สิบเดือนหลังจากเสด็จฯเยือนรัฐสภาอังกฤษ
การทรงปฏิบัติพระราชภารกิจหน้าที่ด้วยพระราชหฤทัยมั่นในสิ่งที่ทรงเห็นว่าถูกว่าควร
เต็มพระปรีชาสามารถ และด้วยพระราชมานะและขันติธรรม ตราบจนถึงที่สุด เป็นพระอุปนิสัยที่โดดเด่นขององค์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมควรที่เราจะได้รำลึกถึงพระองค์ในแง่นี้ ในวันนี้
[พช./ราชสดุดี ร.7 kpi/พ.ย. 2555]
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น