ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

“การเตรียมการพระราชทานรัฐธรรมนูญ”

        “การเตรียมการพระราชทานรัฐธรรมนูญ”






                                                                                                                 
                                                                                                                          ฉัตรบงกช  ศรีวัฒนสาร*
            เมื่อวันพุธที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘  ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเป็นวิทยากรในรายการมุ่งสู่ประชาธิปไตยไปกับสถาบันพระปกเกล้า ทางคลื่น ๘๗.๕  เรื่องความเป็นมาของวันพระราชทานรัฐธรรมนูญของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อ ๘๓ ปีมาแล้วใน วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕
        พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปณิธานเพื่อให้ประเทศสยามมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและมีหลักฐานอย่างเด่นชัด  พระองค์ทรงพระราชอุตสาหะให้มีการพัฒนาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เตรียมการร่างรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ  นับตั้งแต่หนึ่งปีหลังจากการขึ้นครองราชสมบัติ  พ.ศ. ๒๔๖๙ ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงพระยากัลยาณไมตรี หรือ ดร.ฟรานซีส บี แซร์ ( Francis Bowes Sayre ) อดีตที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศ  ทรงใช้หัวเรื่องว่า “ Problem of Siam”  เนื้อหาเป็นพระราชปุจฉา (คำถาม  ๙ ข้อ ) นอกจากตอบพระราชปุจฉาแล้ว พระยากัลยาณไมตรีได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายร่างเค้าโครงฉบับสั้นๆ แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆกับร่างฉบับนี้  
        ต่อมาทรงตั้งพระทัยที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญในวาระที่มีงานพระราชพิธีฉลองพระนครครบ ๑๕๐ ปี  ในปีพ.ศ. ๒๔๗๕ การเตรียมการนี้เป็นไปอย่างเปิดเผย ดังเห็นได้จากเหตุการณ์ในปีพ.ศ. ๒๔๗๔ ขณะพระองค์เสด็จไปรักษาพระเนตรที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้พระราชทานสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์มีใจความสรุปได้ว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีแนวพระราชปฏิบัติในการปกครองคือการปรับแนวความคิดมาใช้ให้เหมาะกับประเทศสยามที่มีการปกครองแบบบิดาปกครองบุตรด้วยความเอื้ออาทรจากพระเจ้าแผ่นดิน  ทรงมีพระราชดำรัสตอบคำถามนักหนังสือพิมพ์อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วและทรงชื่นชมวิธีดำเนินการของหนังสือพิมพ์อเมริกัน  พระองค์ทรงวางแผนที่จะประชาชนมีส่วนร่วมในระดับท้องถิ่นก่อน หนังสือพิมพ์อเมริกันฉบับหนึ่งได้เขียนภาพการ์ตูนล้อเป็นภาพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ ประทับเหนือพระราชอาสน์กำลังพระราชทานม้วนกระดาษ ซึ่งหมายถึงรัฐธรรมนูญให้แก่ราษฎรไทยคนหนึ่งแต่งกายไม่สวมเสื้อ นุ่งห่มเฉพาะท่อนล่าง
       เมื่อเสด็จกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระยาศรีวิสารวาจา (เทียนเลี้ยง ฮุนตระกูล) ปลัดทูลฉลองกระทรวงการต่างประเทศ ผู้สำเร็จเนติบัณฑิตจากประเทศอังกฤษ และนายเรมอนด์ บี. สตีเวนส์ (Raymond B. Stevens) ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ   ผู้สำเร็จวิชากฎหมายจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard) เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนรัฐนิวแฮมเชียร์  สังกัดพรรคเดโมแครต รองประธานคณะกรรมการเดินเรือแห่งสหรัฐ และเป็นผู้แทนอเมริกันในสภาการขนส่งทางทะเลของฝ่ายสัมพันธมิตรในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๑  ทั้งสองท่านนี้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทและมีพระบรมราชโองการให้เป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ  ทั้งสองท่านดำเนินการร่วมกันร่างรัฐธรรมนูญเสร็จในวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ เป็นภาษาอังกฤษ ชื่อว่า “An Outline of  Changes in the Form of Government” ร่างดังกล่าวได้กำหนดรูปแบบของการปกครอง  ความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจบริหารและนิติบัญญัติ  ตลอดจนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ด้วย  พร้อมกันนี้พระยาศรีวิสารวาจาและนายเรมอนด์ บี.สตีเวนส์ ให้แก่อภิรัฐมนตรี ในวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ เพื่อประชุมพิจารณาในที่ประชุมอภิรัฐมนตรีสภา แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้มีการประชุมพิจารณากันอย่างไรเข้าใจว่าหากมีการประชุมจะได้รับการคัดค้าน  จึงไม่มีการพระราชทานรัฐธรรมนูญในพระราชพิธีฉลองพระนครครบ ๑๕๐ ปีในวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๕
      ต่อมาอีกสองเดือนเศษในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ จึงเกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง และมีการพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับถาวรฉบับแรกในวันที่ ๑๐ ธันวาคม ในปีเดียวกัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัย : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว - 26 พฤศจิกายน 2468   : สมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมขุนศุโขทัยธรรมราชาเสด็จขึ้นครองราชย์ - 25 กุมภาพันธ์ 2468 :  พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงสถาปนาพระวรชายาเป็นสมเด็จพระบรมราชินี และเสด็จไปประทับที่พระที่นั่งอัมพรสถาน (ร.7 พระชนม์ 32 พรรษา,สมเด็จฯ 21 พรรษา) -6 มกราคม -5 กุมภาพันธ์ 2469 : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า รำไพ พรรณีฯ เสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลพายัพเพื่อเยี่ยมราษฎร -16 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2470 : เสด็จพระราชดำเนินเยือนหัวเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออก -24 มกราคม - 11 กุมภาพันธ์ 2471: เสด็จพระราชดำเนินเยือนมณฑลภูเก็ต -10 เมษายน-12 เมษายน 2472 : พระราชพิธีราชคฤหมงคลขึ้นพระตำหนักเปี่ยมสุข สวนไกลกังวล -พฤษภาคม 2472  : เสด็จพระราชดำเนินเยือนมณฑลปัตตานี (ทอดพระเนตรสุริยุปราคา) -31 กรกฎาคม -11 ตุลาคม 2472 : เสด็จพระราชดำเนินเยือน สิงคโปร์ ชวา บาหลี -6 เมษายน - 8 พฤษภาคม 2473 : เสด็จพระราชดำเนินเยือนอินโดจีน -6 เมษายน - 9 เมษายน 2474 : เสด็จฯเยือนสหรัฐอเมริกาและญี่

ความสืบเนื่องและการเปลี่ยนแปลงของศิลปวัฒนธรรมสมัยรัชกาลที่ 7

                                                                                                                                   ฉัตรบงกช   ศรีวัฒนสาร [1]                 องค์ประกอบสำคัญในการดำรงอยู่อย่างยั่งยืนของสังคมมนุษย์ จำเป็นต้องอาศัยสภาวะความสืบเนื่องและการเปลี่ยนแปลงเป็นพลังสำคัญ ในทัศนะของ อริสโตเติล ( Aristotle) นักปรัชญากรีกโบราณ   ระบุว่า   ศิลปะทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นดนตรี   การแสดง   หรือ ทัศนศิลป์   ล้วนสามารถช่วยซักฟอกจิตใจให้ดีงามได้   นอกจากนี้ในทางศาสนาชาวคริสต์เชื่อว่า   ดนตรีจะช่วยโน้มน้าวจิตใจให้เกิดศรัทธาต่อศาสนาและพระเจ้าได้     การศรัทธาเชื่อมั่นต่อศาสนาและพระเจ้า คือ ความพร้อมที่จะพัฒนาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ [2]                 ราชบัณฑิตยสถานอธิบายความหมายของศิลปะให้สามารถเข้าใจได้เป็นสังเขปว่า “ศิลปะ(น.)ฝีมือ,   ฝีมือทางการช่าง,   การแสดงออกซึ่งอารมณ์สะเทือนใจให้ประจักษ์เห็น โดยเฉพาะหมายถึง วิจิตรศิลป์ ” [3] ในที่นี้วิจิตรศิลป์ คือ ความงามแบบหยดย้อย   ดังนั้น คำว่า “ศิลปะ” ตามความหมายของราชบัณฑิตยสถานจึงหมายถึงฝีมือทางการช่างซึ่งถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา

ห้วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชสมภพ

  ขอบคุณภาพจากพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และขอบคุณเนื้อหาจาก รศ.วุฒิชัย  มูลศิลป์ ภาคีสมาชิกสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง  ราชบัณฑิตยสถาน        พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 7 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 8 พฤศจิกายน รศ. 112 (พ.ศ. 2436) ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี  พระอรรคราชเทวี (ต่อมาคือ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ  และสมเด็จพระศรีพัชรินทราพระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนี ตามลำดับ)  โดยทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 9 ของสมเด็จพระนางเจ้าฯและองค์ที่ 76 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว     ในห้วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชสมภพนี้  ประเทศไทยหรือในเวลานั้นเรียกว่าประเทศสยาม หรือสยามเพิ่งจะผ่านพ้นวิกฤตการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่มาได้เพียง 1 เดือน 5 วัน  คือ วิกฤตการณ์สยาม ร. ศ. 112 ที่ฝรั่งเศสใช้กำลังเรือรบตีฝ่าป้อมและเรือรบของไทยที่ปากน้ำเข้ามาที่กรุงเทพฯได้  และบีบบังคั