ขอบคุณบทความจากรศ.ม.ร.ว. พฤทธิสาณ ชุมพล
สองเดือนกว่าหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 นักเรียนไทยในโรงเรียนอัสสัมชัญและโรงเรียนเซนต์คาเบรียลของคณะมิชชันารีฝรั่งเศสก่อการยื่นข้อเรียกร้องต่อทางโรงเรียน
นี่เป็นข้อมูลที่อยู่ในเอกสารภาษาฝรั่งเศสซึ่ง ผศ.ดร.ประหยัด นิชลานนท์ และอ.ดร.รัชฎาพร ฤทธิจันทร์ แห่งภาควิชาภาษาฝรั่งเศส มหาวิทยาลัยศิลปากร นำเสนอไว้ในหนังสือ คันฉ่องฝรั่งเศสส่องสังคมสยามสมัยรัชกาลที่ 7 ซึ่งมูลนิธิประชาธิปก-รำไพพรรณี เพิ่งจัดพิมพ์จำหน่าย โดยใช้ข้อมูลจากเอกสารที่พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้จัดหามาก่อนหน้านี้
"ณ โรงเรียนอัสสัมชัญ ขณะที่ระฆังเรียกให้เข้าชั้นเรียนดังขึ้น นักเรียนโตจากชั้นภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสกลุ่มหนึ่งประกาศระดมพลนักเรียนฝ่ายมัธยมให้มารวมกันที่บริเวณห้องโถงใหญ่ของโรงเรียน นักเรียนที่มีนามสกุล ณ สามเสน คนหนึ่งซึ่งเป็นลูกของวุฒิสมาชิกของสยามได้มาเชิญผู้อำนวยการโรงเรียน บราเดอร์เฟรเดอริคให้มาที่ห้องโถงเพื่อรับฟังข้อเรียกร้องของนักเรียนสามข้อ ดังนี้
1. ลดราคาค่าเล่าเรียน
2. งดการเรียนการสอนในวันสำคัญทางศาสนาของศาสนาพุทธ
3. อนุญาตให้นักเรียนที่โดนคัดชื่อออกเนื่องจากทำผิดวินัย สามารถกลับเข้ามาเรียนใหม่ได้
เมื่อได้รับคำตอบอันเป็นที่พอใจแล้ว นักเรียนเหล่านี้ก็เช่ารถบัสขนาดเล็กเพื่อมุ่งไปยังโรงเรียนเซนต์คาเบรียล เพื่อเรียกร้องในหัวข้อเดียวกันนี้ พวกเราต้องเผชิญกับเหตุการณ์ปฏิวัติย่อยๆที่ได้มีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี " (ตัวสะกดตามต้นฉบับ)
เอกสารของมิชชันนารีฝรั่งเศสเขียนเล่าไว้เช่นนี้ และวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะโรงเรียนของเขาสอนให้นักเรียนรู้จักกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก เรียกร้องในสิทธิของตน จนบางครั้งดูรุนแรงก้าวร้าว ต่างจากการเรียนการสอนในโรงเรียนที่จัดตั้งโดยรัฐบาลสยาม ที่สอนให้เด็กมีความประพฤติเรียบร้อย เคารพครูไม่เถียงหรือต่อต้าน
ซึ่งก็อาจเป็นการวิเคราะห์ที่เข้าข้างตัวเองของฝรั่งอยู่ตรงที่ ประการแรก พฤติกรรมของนักเรียนในคราวนั้น แม้ว่าจะแสดงถึงความกล้าที่จะเรียกร้อง แต่ก็กระทำด้วยความมีระเบียบแบบแผน และดูจะไม่ได้ก้าวร้าว ทำให้มองต่างมุมได้ว่า มีการผสมผสานวิถีตะวันตกกับวิถีไทยอยู่ในที และประการที่สอง "เหตุการณ์การปฏิวัติย่อยๆที่มีการเตรียมการมาอย่างดี" นั้นอาจไม่ได้เป็นความริเริ่มของตัวนักเรียนเอง แต่เป็นของบิดาของผู้แทนนักเรียนนามสกุล ณ สามเสน ผู้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทแต่งตั้งของคณะราษฎรก็เป็นได้ กล่าวคือ เป็นการ "จัดฉาก" ความตื่นตัวในประชาธิปไตยในหมู่นักเรียน ซึ่งก็เป็นวิถีไทยๆ กึ่งๆฝรั่งอีกอย่างหนึ่ง
สองเดือนกว่าหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 นักเรียนไทยในโรงเรียนอัสสัมชัญและโรงเรียนเซนต์คาเบรียลของคณะมิชชันารีฝรั่งเศสก่อการยื่นข้อเรียกร้องต่อทางโรงเรียน
นี่เป็นข้อมูลที่อยู่ในเอกสารภาษาฝรั่งเศสซึ่ง ผศ.ดร.ประหยัด นิชลานนท์ และอ.ดร.รัชฎาพร ฤทธิจันทร์ แห่งภาควิชาภาษาฝรั่งเศส มหาวิทยาลัยศิลปากร นำเสนอไว้ในหนังสือ คันฉ่องฝรั่งเศสส่องสังคมสยามสมัยรัชกาลที่ 7 ซึ่งมูลนิธิประชาธิปก-รำไพพรรณี เพิ่งจัดพิมพ์จำหน่าย โดยใช้ข้อมูลจากเอกสารที่พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้จัดหามาก่อนหน้านี้
"ณ โรงเรียนอัสสัมชัญ ขณะที่ระฆังเรียกให้เข้าชั้นเรียนดังขึ้น นักเรียนโตจากชั้นภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสกลุ่มหนึ่งประกาศระดมพลนักเรียนฝ่ายมัธยมให้มารวมกันที่บริเวณห้องโถงใหญ่ของโรงเรียน นักเรียนที่มีนามสกุล ณ สามเสน คนหนึ่งซึ่งเป็นลูกของวุฒิสมาชิกของสยามได้มาเชิญผู้อำนวยการโรงเรียน บราเดอร์เฟรเดอริคให้มาที่ห้องโถงเพื่อรับฟังข้อเรียกร้องของนักเรียนสามข้อ ดังนี้
1. ลดราคาค่าเล่าเรียน
2. งดการเรียนการสอนในวันสำคัญทางศาสนาของศาสนาพุทธ
3. อนุญาตให้นักเรียนที่โดนคัดชื่อออกเนื่องจากทำผิดวินัย สามารถกลับเข้ามาเรียนใหม่ได้
เมื่อได้รับคำตอบอันเป็นที่พอใจแล้ว นักเรียนเหล่านี้ก็เช่ารถบัสขนาดเล็กเพื่อมุ่งไปยังโรงเรียนเซนต์คาเบรียล เพื่อเรียกร้องในหัวข้อเดียวกันนี้ พวกเราต้องเผชิญกับเหตุการณ์ปฏิวัติย่อยๆที่ได้มีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี " (ตัวสะกดตามต้นฉบับ)
เอกสารของมิชชันนารีฝรั่งเศสเขียนเล่าไว้เช่นนี้ และวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะโรงเรียนของเขาสอนให้นักเรียนรู้จักกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก เรียกร้องในสิทธิของตน จนบางครั้งดูรุนแรงก้าวร้าว ต่างจากการเรียนการสอนในโรงเรียนที่จัดตั้งโดยรัฐบาลสยาม ที่สอนให้เด็กมีความประพฤติเรียบร้อย เคารพครูไม่เถียงหรือต่อต้าน
ซึ่งก็อาจเป็นการวิเคราะห์ที่เข้าข้างตัวเองของฝรั่งอยู่ตรงที่ ประการแรก พฤติกรรมของนักเรียนในคราวนั้น แม้ว่าจะแสดงถึงความกล้าที่จะเรียกร้อง แต่ก็กระทำด้วยความมีระเบียบแบบแผน และดูจะไม่ได้ก้าวร้าว ทำให้มองต่างมุมได้ว่า มีการผสมผสานวิถีตะวันตกกับวิถีไทยอยู่ในที และประการที่สอง "เหตุการณ์การปฏิวัติย่อยๆที่มีการเตรียมการมาอย่างดี" นั้นอาจไม่ได้เป็นความริเริ่มของตัวนักเรียนเอง แต่เป็นของบิดาของผู้แทนนักเรียนนามสกุล ณ สามเสน ผู้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทแต่งตั้งของคณะราษฎรก็เป็นได้ กล่าวคือ เป็นการ "จัดฉาก" ความตื่นตัวในประชาธิปไตยในหมู่นักเรียน ซึ่งก็เป็นวิถีไทยๆ กึ่งๆฝรั่งอีกอย่างหนึ่ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น