คัมภีร์อักษรขอม ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ถวายเมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรปขณะเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระสันตะปาปา
ปิอุสที่ 11 เมื่อวันพุธที่ 21 มีนาคม ค.ศ.1934 หรือปี พ.ศ.2477 หรือเมื่อ 82 ปีก่อน
รศ.ม.ร.ว.พฤทธิสาณ ชุมพล
ข่าว (มติชน 24 สิงหาคม2559) ที่กล่าวถึงว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงดำริจะเปิดแสดงคัมภีร์โบราณต่างๆรวมทั้งคัมภีร์พระพุทธศาสนาอักษรขอมซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวถวายสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 11 เมื่อวันที่21 มีนาคม ค.ศ.1934 (พ.ศ.2476 ตามปฎิทินเดิม) ชวนให้ไทยเราเองต้องสืบ และค้นหาข้อเท็จจริงจากหลักฐานของไทยเราเอง เพราะในจดหมายเหตุเสด็จประพาสยุโรปในครั้งนั้นไม่ได้รายงานถึงการทรงถวายคัมภีร์แต่อย่างใด ทั้งนี้นอกเหนือจากที่ทางวัดพระเชตุพนฯจะช่วยประสานงานแปลให้ทางวาติกัน
หากแต่การที่ทรงทำเช่นนั้นมีความน่าสนใจตรงที่เป็นการทรงสานต่อการสนทนาธรรมระหว่างศาสนา (Ecumenism) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เคยทรงทำเป็นกิจลักษณะในรัชกาลของพระองค์กับบาทหลวงในคริสตศาสนา
คำว่า “Ecumenism” นี้ไม่ปรากฏในพจนานุกรมอังกฤษ-ไทยของ สอ เสถบุตร แต่อย่างใด แสดงว่าแม้ในช่วงหลังรัชกาลที่ 7ใหม่ๆ แนวคิดหรือขบวนการนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายนักในหมู่ชนชั้นนำไทย ดังนั้นการที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯทรงประกอบพระราชกรณียกิจดังกล่าวจึงนับได้ว่า “ก้าวหน้า” คล้ายทรง “มองอดีต เล็งอนาคต”
“Ecumenism” หรือEcumenicalisim หมายถึง “ขบวนการหรือแนวคิดที่มุ่งเสริมความสามัคคีระหว่างศาสนาต่างๆด้วยการสร้างความร่วมมือและความเข้าใจกันยิ่งขึ้นไปทั่วโลก” Reader’s Digest Universal Dictionary มีนักวิชาการศึกษาไว้อย่างละเอียดกล่าวไว้ในหนังสือที่แสดงปกไว้นี้
การเคลื่อนไหวในแนวนี้ยังมีความสำคัญในยุคปัจจุบันนี้ที่ดูจะมีความขัดแย้งระหว่างผู้ที่ (อ้างว่า) นับถือศาสนาและนิกายต่างๆมากขึ้น จนบางครั้งกลายเป็นความรุนแรง เหตุดังนี้กระมังที่สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันจึงมีพระอุบายที่จะใช้การจัดแสดงคัมภีร์ศาสนาต่างๆที่สำนักวาติกันครอบครองอยู่ให้ชาวโลกได้เห็นถึงความสำคัญของการสนทนาธรรมระหว่างศาสนาเพื่อทำนุบำรุงสันติภาพในโลก
( พฤทธิสาณ/การสนทนาธรรม/ส.ค.2559)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น