ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ยุโรปกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมัยรัชกาลที่ 7


เครื่องราชอิสริยาภรณ์ยุโรปกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมัยรัชกาลที่ 7




          ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของประเทศสยามกับประเทศในยุโรปในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  มีความต่อเนื่องและความเปลี่ยนแปลงในบริบททั้งปัจจัยภายในและภายนอก การดำเนินการความสัมพันธ์กับต่างประเทศ คือ การเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาไม่เสมอภาคกับประเทศตะวันตก และการมีบทบาทเป็นประเทศสมาชิกขององค์การสันนิบาตชาติ  ต่อเนื่องจากการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 6 นับเป็นเวทีโลกระหว่างประเทศมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศมหาอำนาจ และพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนดินแดนเพื่อนบ้านที่อยู่ในการปกครองของประเทศอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ ได้แก่ สิงคโปร์ ชวา และบาหลี ในปีพ.ศ. 2472  การเสด็จเยือนดินแดนอินโดจีนของฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2473  และการเสด็จเยือน สหรัฐอเมริกา แคนาดา และญี่ปุ่น ในปีพ.ศ. 2474 รวมทั้งการเสด็จเยือนประเทศต่างๆในยุโรป พ.ศ.2476-2477 แสดงให้เห็นถึงการปรากฏสถานะและทิศทางใหม่ของประเทศสยามในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในฐานะที่เป็นประเทศเอกราชที่มีความเท่าเทียมกับนานาอารยประเทศ
จากบริบทดังกล่าวสอดคล้องกับการศึกษาวันเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับทูลเกล้าถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศในโอกาสสำคัญต่างๆ ได้ 4 วาระสำคัญดังนี้ คือ
     3.1  พระราชพิธีบรมราชาภิเษก (ระหว่างพ.ศ. 2468-2469)  ได้แก่ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราบ๊าธชั้นที่ 1 ของประเทศอังกฤษ(The Most Honourable Order of the Bath) เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเลจองดอนเนอร์ชั้นที่ 1 ของประเทศฝรั่งเศส (LOrdre National de la Legion DHonneur) เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเลโอโปลด์ชั้นที่ 1 ของประเทศเบลเยี่ยม(The Order of Leopold) และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราสิงห์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ (The Order of the Netherlands Lion) สังเกตได้ว่าเป็นประเทศที่เคยทูลเกล้าฯถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์สืบเนื่องตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4, รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 เป็นการสืบสานพระราชไมตรีเดิม





     3.2 วาระในการทำสนธิสัญญาใหม่ (ระหว่างพ.ศ. 2469-2470) ได้แก่ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราช้าง ของประเทศเดนมาร์ก(The Order 0f The elephant)  และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่ง ตราอานุนซิอาตา  ของประเทศอิตาลี  (The Order of the Most Holy Annunciation)



     3.3  วาระการฉลองพระนครครบ  150 ปี  (ระหว่างพ.ศ. 2474-2475) ได้แก่ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซนต์โอลาฟ ของประเทศนอร์เวย์ และเครื่องราชอิสริยาภรณ์เซราเฟิมของประเทศสวีเดน (The Royal Order of the Seraphim)

    3.4 การเจริญสัมพันธไมตรีแลกเปลี่ยนเครื่องราชอิสริยาภรณ์เมื่อเสด็จประพาสยุโรป (ระหว่างพ.ศ. 2476- 2477) ได้แก่เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไวท์ไลออนของประเทศเชคโกสโลวาเกีย  (The Order of the White Lion)   เครื่องราชอิสริยาภรณ์ครัว เดอ เมริทของประเทศฮังการี  (Le Croix de Merite) และเครื่องราชอิสริยาภรณ์เซนต์ชาร์ล ของประเทศโมนาโก  (The Order of St.Charles) นับเป็นการริเริ่มพระราชไมตรีกับประเทศใหม่ๆในทวีปยุโรปจากการเสด็จเยือนประเทศยุโรป 9 ประเทศซึ่งมีทั้งการสืบสานและริเริ่มพระราชไมตรีใหม่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
            การศึกษาเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงนับเป็นเครื่องแสดงถึงความเชื่อมโยงกับพระวิเทโศบายเพื่อการเสริมสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศต่างๆในยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัย : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว - 26 พฤศจิกายน 2468   : สมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมขุนศุโขทัยธรรมราชาเสด็จขึ้นครองราชย์ - 25 กุมภาพันธ์ 2468 :  พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงสถาปนาพระวรชายาเป็นสมเด็จพระบรมราชินี และเสด็จไปประทับที่พระที่นั่งอัมพรสถาน (ร.7 พระชนม์ 32 พรรษา,สมเด็จฯ 21 พรรษา) -6 มกราคม -5 กุมภาพันธ์ 2469 : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า รำไพ พรรณีฯ เสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลพายัพเพื่อเยี่ยมราษฎร -16 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2470 : เสด็จพระราชดำเนินเยือนหัวเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออก -24 มกราคม - 11 กุมภาพันธ์ 2471: เสด็จพระราชดำเนินเยือนมณฑลภูเก็ต -10 เมษายน-12 เมษายน 2472 : พระราชพิธีราชคฤหมงคลขึ้นพระตำหนักเปี่ยมสุข สวนไกลกังวล -พฤษภาคม 2472  : เสด็จพระราชดำเนินเยือนมณฑลปัตตานี (ทอดพระเนตรสุริยุปราคา) -31 กรกฎาคม -11 ตุลาคม 2472 : เสด็จพระราชดำเนินเยือน สิงคโปร์ ชวา บาหลี -6 เมษายน - 8 พฤษภาคม 2473 : เสด็จพระราชดำเนินเยือนอินโดจีน -6 เมษายน - 9 เมษายน 2474 : เสด็จฯเยือนสหรัฐอเมริกาและญี่

ความสืบเนื่องและการเปลี่ยนแปลงของศิลปวัฒนธรรมสมัยรัชกาลที่ 7

                                                                                                                                   ฉัตรบงกช   ศรีวัฒนสาร [1]                 องค์ประกอบสำคัญในการดำรงอยู่อย่างยั่งยืนของสังคมมนุษย์ จำเป็นต้องอาศัยสภาวะความสืบเนื่องและการเปลี่ยนแปลงเป็นพลังสำคัญ ในทัศนะของ อริสโตเติล ( Aristotle) นักปรัชญากรีกโบราณ   ระบุว่า   ศิลปะทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นดนตรี   การแสดง   หรือ ทัศนศิลป์   ล้วนสามารถช่วยซักฟอกจิตใจให้ดีงามได้   นอกจากนี้ในทางศาสนาชาวคริสต์เชื่อว่า   ดนตรีจะช่วยโน้มน้าวจิตใจให้เกิดศรัทธาต่อศาสนาและพระเจ้าได้     การศรัทธาเชื่อมั่นต่อศาสนาและพระเจ้า คือ ความพร้อมที่จะพัฒนาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ [2]                 ราชบัณฑิตยสถานอธิบายความหมายของศิลปะให้สามารถเข้าใจได้เป็นสังเขปว่า “ศิลปะ(น.)ฝีมือ,   ฝีมือทางการช่าง,   การแสดงออกซึ่งอารมณ์สะเทือนใจให้ประจักษ์เห็น โดยเฉพาะหมายถึง วิจิตรศิลป์ ” [3] ในที่นี้วิจิตรศิลป์ คือ ความงามแบบหยดย้อย   ดังนั้น คำว่า “ศิลปะ” ตามความหมายของราชบัณฑิตยสถานจึงหมายถึงฝีมือทางการช่างซึ่งถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา

ห้วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชสมภพ

  ขอบคุณภาพจากพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และขอบคุณเนื้อหาจาก รศ.วุฒิชัย  มูลศิลป์ ภาคีสมาชิกสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง  ราชบัณฑิตยสถาน        พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 7 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 8 พฤศจิกายน รศ. 112 (พ.ศ. 2436) ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี  พระอรรคราชเทวี (ต่อมาคือ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ  และสมเด็จพระศรีพัชรินทราพระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนี ตามลำดับ)  โดยทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 9 ของสมเด็จพระนางเจ้าฯและองค์ที่ 76 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว     ในห้วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชสมภพนี้  ประเทศไทยหรือในเวลานั้นเรียกว่าประเทศสยาม หรือสยามเพิ่งจะผ่านพ้นวิกฤตการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่มาได้เพียง 1 เดือน 5 วัน  คือ วิกฤตการณ์สยาม ร. ศ. 112 ที่ฝรั่งเศสใช้กำลังเรือรบตีฝ่าป้อมและเรือรบของไทยที่ปากน้ำเข้ามาที่กรุงเทพฯได้  และบีบบังคั