ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

“ราชพัสตราภรณ์ในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7”


 



 “ราชพัสตราภรณ์ในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7

เมื่อวันพุธที่ 23 กันยายน 2563


          

         งานสัมมนาวิชาการพระปกเกล้าศึกษาเรื่อง “ราชพัสตราภรณ์ในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7” เพื่ออธิบายพระราชประวัติของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีคู่พระบารมีพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทั้งในยามสุขและยามทุกข์ นอกจากพระสิริโฉม พระสรวลที่ทรงแย้มยิ้มแล้ว พระองค์ยังทรงมีพระอิริยาบทที่สง่างาม มีพระปรีชาสามารถที่รับสั่งภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสอย่างชัดเจนไพเราะ ยังสื่อถึงพระบรมราชินีศรีสยามแบบสากลได้อย่างดียิ่ง พระองค์ทรงเสริมพระบารมีองค์พระประมุขในระบอบรัฐธรรมนูญแห่งสยามประเทศอย่างเหมาะเจาะทั้งในคราวเสด็จเยือนราษฎรในประเทศและเสด็จเยือนต่างประเทศ ทั้งฉลองพระองค์แบบไทยและแบบตะวันตก นับว่าทรงเป็นแบบอย่างที่ดีให้คนรุ่นหลังได้รับทราบพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระราชจริยวัตรที่พระองค์ทรงมีความจงรักภักดีต่อพระราชสวามีอย่างมิเสื่อมคลายตลอดพระชนม์ชีพ

พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ คือ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ อดีตคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และเป็นยังอาจารย์พิเศษตามสถาบันต่างๆ เช่น โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ฯลฯ ซึ่งนับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านด้านพัสตราภรณ์ โดยเฉพาะผ้าไทยอย่างแท้จริง

                     



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัย : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว - 26 พฤศจิกายน 2468   : สมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมขุนศุโขทัยธรรมราชาเสด็จขึ้นครองราชย์ - 25 กุมภาพันธ์ 2468 :  พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงสถาปนาพระวรชายาเป็นสมเด็จพระบรมราชินี และเสด็จไปประทับที่พระที่นั่งอัมพรสถาน (ร.7 พระชนม์ 32 พรรษา,สมเด็จฯ 21 พรรษา) -6 มกราคม -5 กุมภาพันธ์ 2469 : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า รำไพ พรรณีฯ เสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลพายัพเพื่อเยี่ยมราษฎร -16 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2470 : เสด็จพระราชดำเนินเยือนหัวเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออก -24 มกราคม - 11 กุมภาพันธ์ 2471: เสด็จพระราชดำเนินเยือนมณฑลภูเก็ต -10 เมษายน-12 เมษายน 2472 : พระราชพิธีราชคฤหมงคลขึ้นพระตำหนักเปี่ยมสุข สวนไกลกังวล -พฤษภาคม 2472  : เสด็จพระราชดำเนินเยือนมณฑลปัตตานี (ทอดพระเนตรสุริยุปราคา) -31 กรกฎาคม -11 ตุลาคม 2472 : เสด็จพระราชดำเนินเยือน สิงคโปร์ ชวา บาหลี -6 เมษายน - 8 พฤษภาคม 2473 : เสด็จพระราชดำเนินเยือนอินโดจีน -6 เมษายน - 9 เมษายน 24...

ห้วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชสมภพ

  ขอบคุณภาพจากพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และขอบคุณเนื้อหาจาก รศ.วุฒิชัย  มูลศิลป์ ภาคีสมาชิกสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง  ราชบัณฑิตยสถาน        พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 7 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 8 พฤศจิกายน รศ. 112 (พ.ศ. 2436) ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี  พระอรรคราชเทวี (ต่อมาคือ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ  และสมเด็จพระศรีพัชรินทราพระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนี ตามลำดับ)  โดยทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 9 ของสมเด็จพระนางเจ้าฯและองค์ที่ 76 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว     ในห้วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชสมภพนี้  ประเทศไทยหรือในเวลานั้นเรียกว่าประเทศสยาม หรือสยามเพิ่งจะผ่านพ้นวิกฤตการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่มาได้เพียง 1 เดือน 5 วัน  คือ วิกฤตการณ์สยาม ร. ศ. 112 ที...

พระบรมราโชวาทในรัชกาลที่ 7

        พระบรมราโชวาทซึ่งพระราชทานในวันงานประจำปีของวชิราวุธวิทยาลัย เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๕ ทรงอธิบาย วิธีการอบรมบ่มนิสัยของโรงเรียนเอกชนชั้นดีของประเทศอังกฤษหรือที่เรียกว่า “ปัปลิกสกูล” (public school) ซึ่งเป็นแม่แบบของวชิราวุธวิทยาลัยนั้นเป็นผลดีแก่การปกครองแบบประชาธิปไตย ดังข้อความในพระบรมราโชวาทตอนหนึ่งว่า        “...หลักที่สาม ที่ปัปลิกสกูลเขาใช้ก็คือ เขาฝึกให้นักเรียนมีน้ำใจเป็นนักกีฬาแท้คือ ที่เรียกว่าสปอร์ตสแมน การฝึกน้ำใจนั้นเป็นของสำคัญมาก ยิ่งเราจะปกครองแบบเดโมคราซียิ่งสำคัญขึ้นอีก ในที่นี้จะขอหยิบยกหลัก ๒ -๓ อย่างที่ว่าน้ำใจเป็นนักกีฬานั้นคืออะไร ประการที่หนึ่ง นักกีฬาจะเล่นเกมอะไรก็ตามต้องเล่นให้ถูกต้องตามกฎข้อบังคับของเกมนั้น ไม่ใช้วิธีโกงเล็กโกงน้อยอย่างใดเลย จึงจะสนุกจึงจะเป็นประโยชน์ ประการที่สอง ถ้าเกมที่เล่นนั้นเล่นหลายคนต้องเล่นเพื่อความชะนะของฝ่ายตน ไม่ใช่เล่นเพื่อตัวคนเดียว ไม่ใช่เพื่อแสดงความเก่งของตัวคนเดียว ประการที่สาม นักกีฬาแท้นั้นต้องรู้จักชะนะและรู้จักแพ้ ถ้าชะนะก็ต้องไม่อวดท...