ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

อภิรัฐมนตรีสภาจากพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ 5 พระองค์

 


      อภิรัฐมนตรีสภาจากพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ 5 พระองค์

                                                                              ฉัตรบงกช ศรีวัฒนสาร เรียบเรียง

                                    พระราชกรณียกิจในปีแรกของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวหลังจากขึ้นครองราชย์ได้เพียงสองวันคือทรงเริ่มแต่งตั้งที่ปรึกษาราชการชั้นสูงขึ้นคณะหนึ่ง เรียกว่า “อภิรัฐมนตรี” ประกอบด้วยพระราชวงศ์ซึ่งทรงคุณวุฒิและเชี่ยวชาญราชการสาขาต่าง ๆ เพื่อเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินในพระองค์

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 การตั้งอภิรัฐมนตรีนี้ พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากรทรงกล่าวว่า

  “ต่อมาอีกไม่กี่วันนัก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ตรัสให้พ่อเข้าไปเฝ้าบนพระที่นั่งบรมพิมาน ซึ่งเสด็จเข้ามาประทับอยู่ ทรงปรึกษาว่าจะตั้งคณะที่ปรึกษาชั้นสูงขึ้นเหนือคณะเสนาบดี ยังไม่ทรงแน่พระราชหฤทัยว่า คณะนี้จะเรียกว่าอะไร มีผู้ถวายชื่อรายหนึ่งว่า “อภิรัฐมนตรี” อีกรายหนึ่งว่า “สมุหมนตรี” รายแรกเติมคำว่าอภิเข้าไปแก่คำว่ารัฐมนตรีซึ่งโดยรูปศัพท์แปลว่าที่ปรึกษา อีกรายหนึ่งเป็นชื่อของเกียรติพิเศษที่ในรัชกาลก่อนเคยทรงใช้พระราชทานแก่ข้าราชการผู้ใหญ่บางคน คำแปลก็ทำนองเดียวกัน ได้ทูลว่าอภิรัฐมนตรีดีกว่าอีกคำหนึ่ง” [1]

                   อภิรัฐมนตรีชุดแรกที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแต่งตั้ง 5 พระองค์ คือ

    1. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าฯ ภาณุรังสีสว่างวงษ์  กรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช (พ.ศ. 2468-2471) ต้นราชสกุลภาณุพันธุ์ ซึ่งเคยเป็นเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เป็นผู้บัญชาการทหารบกและเรือ เป็นจเรทัพบก และเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินต่างพระองค์หลายคราวในรัชกาลที่ 6 ให้ทรงดำรงตำแหน่งประธานอภิรัฐมนตรี และปลายพระชนม์ชีพ ทรงได้รับการถวายพระเกียรติยศให้เฉลิมพระนามเป็น สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์

    2. สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต (พ.ศ. 2468-2475 ทรงเรียนและสอบไล่ได้เป็นนายทหารบกในกองทัพเยอรมัน แล้วเข้ามารับราชการอยู่ในกองทัพบกเล็กน้อย แต่ต้องย้ายไปเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ จึงทรงเป็นใหญ่ทั้งทหารบกและทหารเรือ

     3. สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ (พ.ศ. 2468-2475 ) ทรงเป็นอัครศิลปิน นางช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม

    4. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (พ.ศ. 2468-2475 ) ทรงเชี่ยวชาญมาแล้วในทางปกครองท้องที่และราชการพลเรือนทุกด้าน

      5. สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ (พ.ศ. 2468-2474 ) ทรงเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจ

          ด้วยทั้ง 5 พระองค์นี้ได้ทรงรับราชการในตำแหน่งสำคัญมาแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5ทรงไว้วางพระราชหฤทัยทั้งได้คุ้นเคยทราบกระแสพระราชดำริและพระบรมราโชบายของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมาแต่ก่อน ล้วนทรงปรีชาสามารถและมีเกียรติคุณจะหาผู้อื่นเสมอเหมือนได้โดยยาก

 "เราตั้งให้เจ้านายผู้ใหญ่ทั้ง 5 พระองค์เป็นอภิรัฐมนตรีแต่นี้ไป ด้วยไว้วางใจในความซื่อตรงจงรักภักดีซึ่งทรงมีต่อบ้านเมืองและตัวเราด้วยกันทุกพระองค์ การที่เราคิดจัดดังกล่าวมานี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สืบต่อไป" (พระราชดำรัสในการตั้งอภิรัฐมนตรี)

          ต่อมาเมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช สิ้นพระชนม์ในปีพ.ศ. 2471 รัชกาลที่ 7ทรงโปรดเกล้าฯตั้งสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงลพบุรีราเมศร์เป็นอภิรัฐมนตรีเมื่อ 1 เมษายน 2473 ถึง2474 ต่อมา เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระจันทบุรีนฤนาถสิ้นพระชนม์ ทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งอีก 2 พระองค์คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเชรอัครโยธิน และพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเทววงศ์วโรทัย

          หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎรเมื่อ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 แล้ว ได้มีการประกาศยกเลิกอภิรัฐมนตรีสภา เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 จะเห็นได้ว่าการตั้งอภิรัฐมนตรีสภาแม้จะช่วยลดความกดดันในหมู่ข้าราชการและประชาชนที่เคยมีต่อสภาพการใช้อำนาจของพระมหากษัตริย์ได้ในระยะแรกก็จริง แต่เมื่อนานวันไปข้าราชการและประชาชนต่างเกิดความรู้สึกว่าอภิรัฐมนตีสภาเริ่มมีอำนาจมากเกินไปเหมือนกับว่าพระมหากษัตริย์ทรงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคณะอภิรัฐมนตรีสภา ซึ่งสำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วพระองค์มิได้ทรงถือว่าคณะอภิรัฐมนตรีมีอิทธิพลเหนือกว่าพระองค์แต่อย่างใด เพียงเป็นผู้ที่คอยให้คำปรึกษาราชการแผ่นดินเท่านั้น

         

 



                [1] พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร, อัตชีวประวัติ (พระนคร : โรงพิมพ์ตีรณสาร, 2517),หน้า 83.

          

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัย : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว - 26 พฤศจิกายน 2468   : สมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมขุนศุโขทัยธรรมราชาเสด็จขึ้นครองราชย์ - 25 กุมภาพันธ์ 2468 :  พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงสถาปนาพระวรชายาเป็นสมเด็จพระบรมราชินี และเสด็จไปประทับที่พระที่นั่งอัมพรสถาน (ร.7 พระชนม์ 32 พรรษา,สมเด็จฯ 21 พรรษา) -6 มกราคม -5 กุมภาพันธ์ 2469 : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า รำไพ พรรณีฯ เสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลพายัพเพื่อเยี่ยมราษฎร -16 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2470 : เสด็จพระราชดำเนินเยือนหัวเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออก -24 มกราคม - 11 กุมภาพันธ์ 2471: เสด็จพระราชดำเนินเยือนมณฑลภูเก็ต -10 เมษายน-12 เมษายน 2472 : พระราชพิธีราชคฤหมงคลขึ้นพระตำหนักเปี่ยมสุข สวนไกลกังวล -พฤษภาคม 2472  : เสด็จพระราชดำเนินเยือนมณฑลปัตตานี (ทอดพระเนตรสุริยุปราคา) -31 กรกฎาคม -11 ตุลาคม 2472 : เสด็จพระราชดำเนินเยือน สิงคโปร์ ชวา บาหลี -6 เมษายน - 8 พฤษภาคม 2473 : เสด็จพระราชดำเนินเยือนอินโดจีน -6 เมษายน - 9 เมษายน 24...

ความสืบเนื่องและการเปลี่ยนแปลงของศิลปวัฒนธรรมสมัยรัชกาลที่ 7

                                                                                                                                   ฉัตรบงกช   ศรีวัฒนสาร [1]                 องค์ประกอบสำคัญในการดำรงอยู่อย่างยั่งยืนของสังคมมนุษย์ จำเป็นต้องอาศัยสภาวะความสืบเนื่องและการเปล...

ห้วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชสมภพ

  ขอบคุณภาพจากพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และขอบคุณเนื้อหาจาก รศ.วุฒิชัย  มูลศิลป์ ภาคีสมาชิกสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง  ราชบัณฑิตยสถาน        พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 7 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 8 พฤศจิกายน รศ. 112 (พ.ศ. 2436) ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี  พระอรรคราชเทวี (ต่อมาคือ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ  และสมเด็จพระศรีพัชรินทราพระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนี ตามลำดับ)  โดยทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 9 ของสมเด็จพระนางเจ้าฯและองค์ที่ 76 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว     ในห้วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชสมภพนี้  ประเทศไทยหรือในเวลานั้นเรียกว่าประเทศสยาม หรือสยามเพิ่งจะผ่านพ้นวิกฤตการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่มาได้เพียง 1 เดือน 5 วัน  คือ วิกฤตการณ์สยาม ร. ศ. 112 ที...