สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี : พระคู่ขวัญองค์ประชาธิปกในต่างแดน
การเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวในทุกครั้ง สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
โดยเสด็จเคียงพระองค์ด้วยเสมอ
การเสด็จเยือนดินแดนแห่งแรกของทั้งสองพระองค์
คือ สิงคโปร์ เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ตามด้วยเกาะชวา และเกาะบาหลีที่เป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์
ในปีพ.ศ. 2472 แห่งที่สองคือ อินโดจีนอาณานิคมของฝรั่งเศสเฉพาะ
เวียดนามและกัมพูชา ในปีพ.ศ. 2473
และแห่งที่สามคือ เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ในปีพ.ศ.
2474 และครั้งที่สี่ คือการเสด็จประพาสยุโรปในพ.ศ. 2476-2477
เกร็ดประวัติศาสตร์จากหนังสือพิมพ์ที่ผู้เขียนจะเล่าสู่กันฟัง
คือจากการเสด็จประพาสสหรัฐอเมริกา แคนาดาและญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.
2473 ถึง 12 ตุลาคม พ.ศ. 2474 เป็นเวลานานถึง 7 เดือน ในช่วงเวลานั้นสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ทรงมีพระชนมพรรษาเพียง
27 พรรษาเท่านั้น
นักหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ (New
York Times) ชื่อ นายแฮโรลด์ เอ็น. เดนนี (Harold N. Dennys กล่าวถึงพระองค์พระอิริยาบถของพระองค์ไว้ว่า
“ทรงมีพระอิริยาบถที่งามสง่าแฝงไว้ด้วยความเอียงอายในที ฉลองพระองค์ชุดผ้าไหมสีน้ำตาลอ่อน พระภูษายาวฉลองพระองค์แจ๊คแก็ตสั้น พระองค์ทรงได้รับการกล่าวถึงว่าทรงพระสิริโฉมงดงามยิ่งพระองค์หนึ่งในบรรดาสตรีในโลกตะวันออกและยิ่งกว่านั้นทรงงามพร้อมอย่างมีเสน่ห์”
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชทานสัมภาษณ์แก่นายแฮโรลด์ เอ็น.เดนนี
ด้วยเช่นกันว่า
“สตรีในประเทศสยามนอกจากจะมีเสรีภาพ มิได้ถูกกีดกันให้อยู่ในบ้านดังเช่นสตรีในหลายประเทศทางตะวันออกอยู่แล้ว ยังได้รับแบบอย่างการแต่งกายแบบยุโรป
และพากันไว้ทรงผมบ๊อบ ซึ่งทรงแสดงความรู้สึกว่า ‘ก็ดูงามดี’และสตรีสยามบางคนกำลังศึกษาวิชาแพทย์อยู่ในกรุงเทพฯด้วย”
การเสด็จประพาสครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญครั้งแรกทำให้สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯเสด็จออกแทนพระองค์ให้คณะผู้แทนรัฐบาลแคนาดาเข้าเฝ้าในเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรไข้หลอดลมอักเสบ
ผู้สื่อข่าวหญิงชื่อ ดอรอธี แบรนดอน ผู้เคยทำงานกับหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ของกรมพระคลังข้างที่ของสยาม รายงานว่า
“สมเด็จพระบรมราชินีแห่งสยามประเทศทรงเป็นศูนย์กลางความสนใจและตกตะลึงของบรรดาผู้เข้าเฝ้าฯ
พระองค์ในฉลองพระองค์สีเทาอ่อนคลุมด้วยเขาสัตว์
ทรงพระดำเนินอย่างราบเรียบขึ้นบันไดกว้างของเรือเอมเปรสออฟแจแปนมาเพื่อให้ผู้คนจำนวนร้อยได้เฝ้าฯ
ตามระเบียงและห้องโถงซึ่งเป็นทางผ่านเข้าไปยังห้องรับรองสีทองกับแดงชาดอันหรูหรา
บนพระดัชนี (นิ้วมือ) พระธำมรงค์เม็ดเดียวส่องประกายอยู่ พระอุระ(หน้าอก)
ประดับด้วยเข็มกลัดฝังเพชรหลายเม็ด ไม่มีเพชรนิลจินดาเครื่องประดับอื่นใดเลยสมกับที่ทรงมีพระราชนิยมในความพอเหมาะพอควรมาตลอด
และแน่นอนว่า ทรงแย้มพระสรวล...พระอิริยาบถไม่แสดงการกระดากอายแม้แต่น้อย
แม้ว่าแท้จริงแล้วสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี
พระบรมราชินีทรงเป็นบุคคลที่ค่อนข้างจะขี้อาย
ทรงพระดำเนินตรงไปยังข้าราชการชาวแคนาดาผู้แต่งเครื่องแบบสีทองกับแดงเข้มซึ่งยืนสง่าอยู่เป็นแถว
ตากล้องกดชัดเตอร์เปิดแฟลชส่องแสงแววาว สมเด็จฯมิได้ทรงสะทกสะท้านแต่อย่างใด
กลับทรงพระดำเนินต่อไปอย่างงามสง่า...”
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ
ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์อย่างสง่างามในพระราชสถานะพระบรมราชินี เนื่องจากพระองค์ทรงรับสั่งภาษาอังกฤษได้ดีมาก
รวมถึงภาษาฝรั่งเศสด้วยพระราชอัธยาศัยยิ้มแย้มและนุ่มนวล
อีกสองวันต่อมา
ผู้สื่อข่าวหญิงคนเดียวกันนั้นได้รายงานในหนังสือพิมพ์อเมริกันว่า
สมเด็จพระราชินีทรงเป็น “สตรีที่สวยที่สุดในโลก”
จากรายงานวิจัย
ของรองศาสตราจารย์ ม.ร.ว.พฤทธิสาณ
ชุมพล “การสังเคราะห์ประวัติศาสตร์บอกเล่าในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี
พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 หน้า 85-89.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น