สังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่แล้ว แต่ด้วยค่านิยม ขนบประเพณีในสังคมที่เป็นลักษณะปิตาธิปไตย บุตรธิดาต้องอยู่ภายใต้การบังคับดูแลของบิดา มารดา และสามี ที่คาดหวังให้สตรีมีความประพฤติและจริยธรรมที่มีเป้าหมายการครองเรือนและดูแลกิจการภายในครอบครัว สตรีจึงถูกกำหนดให้ต้องเรียนรู้การวางตัวและการปรนนิบัติพ่อแม่และสามี ความรู้ของสตรีจึงมีเพียงการฝึกหัดงานบ้านและวิชาชีพจากประสบการณ์ในครอบครัวหรือไปถวายตัวในราชสำนัก จนกระทั่งการศึกษาแบบตะวันตกถูกนำเข้ามาในสยามโดยคณะมิชชันนารีอเมริกันเพรสไบทีเรียน (Presbyterianism) เผยแพร่ศาสนาไปพร้อมกับก่อตั้งโรงเรียนสตรีที่มีหลักสูตรและระบบสมัยใหม่ การเข้ามาของวัฒนธรรมตะวันตกโดยเฉพาะบทบาทและอิทธิพลของหมอสอนศาสนานิกายโปรแตสแตนท์ ที่ให้ความสำคัญแก่การศึกษาสตรีทั้งในด้านศีลธรรมจรรยา และการรู้อักขรวิธีเพื่อให้มีความรู้ด้านวิทยาการใหม่ๆจากตะวันตก เมื่อพ.ศ. 2417 มีการจัดตั้งโรงเรียนแหม่มโคล์ หรือโรงเรียนวังหลัง(Harriet M. House School for Girls) หรือวัฒนาวิทยาลัย จึงเป็นตัวแบบให้กับการศึกษาของสตรีชนชั้นสูงไทยต่อมา อย่างไรก็ต...
ศึกษาพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯเพื่อสืบทราบพระคติและพระปัญญา พระอุปนิสัยเพื่อเป็นแก่นแกนในการศึกษาเรื่องราวด้านต่างๆ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม รวมทั้งพัฒนาการทางการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยไทย ( บทความและภาพที่เผยแพร่นี้เป็นการเฉลิมพระเกียรติและเพื่อเป็นวิทยาทานเท่านั้น ไม่มุ่งหาผลกำไรหรือรายได้ใดใด หากนำไปใช้กรุณาอ้างอิงที่มาด้วย จักขอบคุณมาก)