งานวิจัยเรื่องนี้ มุ่งศึกษา
อาชีพของสตรีสยามในช่วงเปลี่ยนผ่านในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
(ระหว่าง พ.ศ. 2468-2477) โดยศึกษาถึงบริบททางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
จากนโยบายของรัฐและหลักสูตรทางการศึกษาสู่ความทันสมัยว่าส่งผลต่อการประกอบอาชีพของสตรีสยามที่เปลี่ยนแปลงไป
โดย ฉัตรบงกช ศรีวัฒนสาร นักวิชาการผู้ชำนาญการ
พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ปัจจัยแรก คือ “สิ่งแวดล้อม”
ในช่วงเวลาดังกล่าว หมายถึง
บริบทการขยายตัวทางเศรษฐกิจการค้าและระบบเงินตราสมัยใหม่ การเติบโตธุรกิจในเมือง
การมีชุมชนเมืองสมัยใหม่ มีตลาด ร้านค้า ตึกแถว บ่อน ซ่อง แหล่งบันเทิงและที่พักแรม
ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของเมืองสมัยใหม่ (แทนที่วัดและวัง) สิ่งแวดล้อมนี้
ทำหน้าที่เป็นตลาดรองรับ บทบาท หน้าที่ทำให้สตรีสยามดำเนินอาชีพสมัยใหม่
ปัจจัยที่สอง คือ การศึกษาสมัยใหม่ ระบบโรงเรียน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายจำนวนโรงเรียนสตรีเพิ่มขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7
ทั้งโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนรัฐบาล ทั้งในเมืองกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดหัวเมือง
ที่รู้จักกันดีต่อมาว่า โรงเรียนประจำจังหวัด
การตั้งโรงเรียนสตรีเป็นการสร้างประชากรหญิงให้มีการศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษา
และเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ทำให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการศึกษาวิชาชีพวิชาการขั้นสูง
เริ่มเปิดรับนิสิตหญิงรุ่นแรกในทศวรรษ 2470 นี้เอง
นอกเหนือจากสถาบันการศึกษาเฉพาะทาง อย่างเช่น โรงเรียนฝึกหัดครูสตรีเบญจมราชาลัย
(พ.ศ. 2456) และโรงเรียนแพทย์พยาบาล และหญิงผดุงครรภ์ (พ.ศ. 2439)
ที่จัดการศึกษาวิชาการวิชาชีพชั้นสูงเริ่มแรก คือ ครูและพยาบาล
การผลิตบัณฑิตสตรีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทำให้สตรีสยามสามารถออกไปประกอบอาชีพหลากหลายขึ้น
หลายคนยังเพิ่มโอกาสการศึกษาด้วยการสอบชิงทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ
โดยเฉพาะสาขาแพทย์ศาสตร์ ปัจจัยที่สาม คือ สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อการแสดงสมัยใหม่
ทศวรรษนี้มีการผลิตสิ่งพิมพ์ ทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หนังสือ
ไปจนถึงการแสดงละครเวที สื่อเหล่านี้เป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่ผู้รู้หนังสือ
ตั้งแต่ทศวรรษ 2460 ที่สำคัญสื่อทำหน้าที่เผยแพร่ กระจายข่าวสาร สร้างความรับรู้
ทั้งองค์ความรู้ ศิลปวิทยาการ วัฒนธรรมและสังคมโลกสมัยใหม่นอกประเทศสยาม
ที่สำคัญคือสื่อได้เปิดโลกทัศน์การรับรู้ถึงภาวะสมัยใหม่ ควบคู่กับการสร้างจินตกรรม
“ชาติ ชุมชนชาติ ความเป็นพลเมืองที่เปิดการรับรู้เรื่อง “พื้นที่สาธารณะ”
ทำให้เข้าใจถึงสังคมนอกสถาบันครอบครัว ปลูกจิตสำนึกถึงผู้คนอื่น ๆ ในสังคม
นอกเหนือจากสมาชิกครอบครัวและเครือญาติ
ความสำนึกนี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้สตรีสยามต้องการศึกษาต่อวิชาชีพขั้นสูงและประกอบอาชีพนอกบ้าน
โดยเฉพาะอาชีพที่ให้บริการผู้คนในสังคมอีกด้วยการศึกษาทำให้สตรีสามารถปรับตัวเข้าสู่โลกเศรษฐกิจสมัยใหม่
ประกอบอาชีพหลากหลายแตกต่างจากอาชีพค้าขายแบบดั้งเดิม
ที่สำคัญสตรียังมีโอกาสเข้าสู่อาชีพสมัยใหม่อื่น ๆที่ต้องใช้ความรู้วิชาชีพ
จากการศึกษาระดับสูง อย่างไรก็ตามอาชีพสมัยใหม่เกือบทั้งหมด
สังเกตว่าเป็นอาชีพข้าราชการที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย อาทิ
ข้าราชการกรมการปกครอง (ผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดและนายอำเภอลงมาจนถึงเสมียน)
เจ้าหน้าที่ป่าไม้ วิศวกรรถไฟ โยธาและไฟฟ้า นายช่างชลประทาน เกษตรจังหวัด
ผู้พิพากษา เสมียน ศาล อัยการ ตำรวจ ทหาร ฯลฯ อาชีพในราชการมีเพียง
ครูและพยาบาลเท่านั้นที่สตรีสามารถเข้าทำงานได้
การศึกษาเรื่องนี้คำนึงถึงความเปลี่ยนแปลงทางสังคมวัฒนธรรมอันเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่ส่งผลสืบเนื่องมาจนปัจจุบัน
และมุ่งเน้นที่อาชีพ“นักเขียนสตรี”
เป็นหลักเพราะสามารถวิเคราะห์ได้จากงานเขียนที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่าที่จะศึกษาได้ในระยะเวลาจำกัด
จากการศึกษาพบว่าในช่วงเปลี่ยนผ่านสมัยรัชกาลที่ 7
รัฐมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้สตรีให้ได้รับสิทธิและโอกาสทางการศึกษาทั้งภายในและภายนอกประเทศ
แม้ว่าในระยะแรกสตรีจะได้รับความรู้จากวิชาการเรือนและการครัวมาสู่ความเป็นกุลสตรีที่ได้รับการศึกษาในระบบของการศึกษาสมัยใหม่
และมีโอกาสในการประกอบอาชีพนอกบ้านน้อยกว่าบุรุษก็ตาม
และสตรีที่ได้รับการศึกษามักมีอาชีพครูและพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ อนึ่ง
อาชีพนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์สตรีนับว่าเป็นการแสดงภูมิปัญญาของสตรีและการเลื่อนสถานภาพภาพของสตรีให้ทัดเทียมกับบุรุษมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ปรากฏการณ์การเกิดนักเขียนสตรีรุ่นบุกเบิก ในสมัยรัชกาลที่ 7 เช่น
หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล หม่อมหลวง บุปผา นิมมานเหมินทร์ (ดอกไม้สด)
ร.จันทพิมพะ น.ประภาสิต และถนอม มหาเปาริยะ เป็นต้น
ในยุคนี้เมื่อสตรีได้รับโอกาสศึกษาวิชาด้านกฎหมายและการแพทย์แผนปัจจุบัน
ตลอดจนการงานอาชีพที่เสริมทักษะใหม่ๆ
ทำให้สตรีสยามประกอบอาชีพยุคใหม่ได้อย่างเท่าเทียมกับบุรุษในเวลาต่อมา
ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว - 26 พฤศจิกายน 2468 : สมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมขุนศุโขทัยธรรมราชาเสด็จขึ้นครองราชย์ - 25 กุมภาพันธ์ 2468 : พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงสถาปนาพระวรชายาเป็นสมเด็จพระบรมราชินี และเสด็จไปประทับที่พระที่นั่งอัมพรสถาน (ร.7 พระชนม์ 32 พรรษา,สมเด็จฯ 21 พรรษา) -6 มกราคม -5 กุมภาพันธ์ 2469 : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า รำไพ พรรณีฯ เสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลพายัพเพื่อเยี่ยมราษฎร -16 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2470 : เสด็จพระราชดำเนินเยือนหัวเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออก -24 มกราคม - 11 กุมภาพันธ์ 2471: เสด็จพระราชดำเนินเยือนมณฑลภูเก็ต -10 เมษายน-12 เมษายน 2472 : พระราชพิธีราชคฤหมงคลขึ้นพระตำหนักเปี่ยมสุข สวนไกลกังวล -พฤษภาคม 2472 : เสด็จพระราชดำเนินเยือนมณฑลปัตตานี (ทอดพระเนตรสุริยุปราคา) -31 กรกฎาคม -11 ตุลาคม 2472 : เสด็จพระราชดำเนินเยือน สิงคโปร์ ชวา บาหลี -6 เมษายน - 8 พฤษภาคม 2473 : เสด็จพระราชดำเนินเยือนอินโดจีน -6 เมษายน - 9 เมษายน 24...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น